คู่มือการท่องเที่ยวลาดักจากกรุงเทพฯ/เวียดนาม 2025

---

การเดินทางที่สะดวกที่สุดจากกรุงเทพฯ หรือเวียดนามไปยังลาดักคือ โดยเครื่องบิน โดยมีเส้นทางหลักดังนี้:

1. บินจากสนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) ไปยังเมืองใหญ่ของอินเดีย เช่น:
    
   • เดลี (DEL)
      
   • มุมไบ (BOM)
      

1. จากนั้น ต่อเครื่องบินภายในประเทศไปยัง เลห์ (Leh - IXL) ซึ่งเป็นสนามบินหลักของลาดัก
    
   • เที่ยวบินจากเดลีและมุมไบไปยังเลห์มีให้บริการทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (มิถุนายน – กันยายน)
      

📌 สายการบินที่ให้บริการ: Thai Airways, Air India, Vistara, IndiGo

📌 แนะนำ: หากเดินทางกับกลุ่มใหญ่ สามารถติดต่อเอเจนซี่อย่าง TSL Journey เพื่อขอราคากรุ๊ปพิเศษ

1. บินจาก:
    
   • สนามบินนานาชาติตานเซินเญิ้ต (SGN) – โฮจิมินห์ซิตี้
      
   • สนามบินนานาชาติโนยบ่าย (HAN) – ฮานอย
      

1. ไปยังเมืองในอินเดีย เช่น:
    
   • เดลี (DEL) หรือ มุมไบ (BOM)
      

1. ต่อเครื่องไปยัง เลห์ (IXL)
    

🛫 สายการบินแนะนำ: Vietnam Airlines, IndiGo, Vistara, Air India

หากคุณต้องการการผจญภัยเพิ่มเติม คุณสามารถเดินทาง โดยทางถนน ไปยังลาดักจาก เดลี ได้ โดยมี 2 เส้นทางหลัก:

1. เส้นทางเดลี – มานาลี – เลห์
    
   • ผ่าน ทางหลวงมานาลี-เลห์ (Manali-Leh Highway)
      
   • ใช้เวลา 2–3 วัน ขึ้นอยู่กับแผนการหยุดพัก
      
   • เปิดเฉพาะช่วง มิถุนายน–กันยายน
      

1. เส้นทางเดลี – ศรีนาการ์ – เลห์
    
   • ผ่าน ทางหลวงศรีนาการ์-เลห์ (Srinagar-Leh Highway)
      
   • วิวทิวทัศน์สวยงาม ขับง่ายกว่าทางมานาลีเล็กน้อย
      

🚌 แนะนำ: เดินทางโดยรถจี๊ปเช่าแบบ private หรือจองทัวร์ขับผ่านภูเขา

• คนไทยและเวียดนาม ต้องขอวีซ่าอินเดีย – สามารถขอ e-Visa ได้ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ของรัฐบาลอินเดีย
   
• ควร จองตั๋วล่วงหน้า 2–3 เดือน โดยเฉพาะช่วงฤดูท่องเที่ยว
   
• ระวัง อาการแพ้ความสูง เมื่อเดินทางไปยังเมืองเลห์ – พักผ่อนวันแรกให้ร่างกายปรับตัว

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยือน ลาดัก คือระหว่าง เดือนมิถุนายนถึงกันยายน เนื่องจากสภาพอากาศกำลังดี อุณหภูมิไม่หนาวหรือร้อนเกินไป และสามารถเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมส่วนใหญ่ได้อย่างสะดวก

นักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนมากนิยมเดินทางไปลาดักในช่วง เดือนเมษายน กันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน เพราะช่วงเวลานี้ภูมิทัศน์สวยงาม อากาศเย็นสบาย และไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก ทำให้ได้สัมผัสความเงียบสงบและบรรยากาศท้องถิ่นอย่างแท้จริง

ในช่วงฤดูหนาว (ตุลาคมถึงมีนาคม) อากาศในลาดักจะหนาวจัด โดยอุณหภูมิจะลดลงต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ทำให้การเดินทางค่อนข้างลำบาก หลายพื้นที่จะถูกปกคลุมด้วยหิมะและไม่สามารถเข้าถึงได้

1. ทะเลสาบพังกอง (Pangong Lake)
ทะเลสาบน้ำเค็มที่ตั้งอยู่สูงถึง 4,350 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว มีชื่อเสียงจากการเปลี่ยนสีของน้ำในแต่ละช่วงของวัน รายล้อมด้วยภูเขาหิมะ เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การถ่ายภาพและพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ

2. หุบเขานูบรา (Nubra Valley)
ดินแดนกลางทะเลทรายสูงในหุบเขา มีเนินทรายที่งดงามและอากาศบริสุทธิ์ สามารถพบกับอูฐสองโหนกพันธุ์หายากได้ที่นี่ และยังเป็นที่ตั้งของวัดดิสกิต (Diskit Monastery) ซึ่งเป็นวัดพุทธทิเบตที่มีความสำคัญ

3. ทะเลสาบโซโมริริ (Tsomoriri Lake)
ทะเลสาบน้ำจืดที่งดงามกลางที่ราบสูงชางถัง (Changthang Plateau) มีทัศนียภาพที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายและเพลิดเพลินกับธรรมชาติบริสุทธิ์ เป็นที่อยู่อาศัยของนกหายากหลายชนิด

4. หมู่บ้านฮันเล (Hanle)
หมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบใกล้ชายแดนจีน มีทัศนียภาพของภูเขาโล่งกว้างและเป็นที่ตั้งของหอดูดาวทางดาราศาสตร์แห่งหนึ่งที่สูงที่สุดในโลก เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดูดาวและต้องการสัมผัสวัฒนธรรมทิเบตแท้ๆ

5. วัดอาลชี (Alchi Monastery)
วัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในลาดัก มีศิลปกรรมและภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะอินเดียและเนปาล เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจศิลปะและประวัติศาสตร์ทิเบตโบราณ

ตลอดการเดินทางในลาดัก เรามีความยินดีที่ได้นำเสนออาหารที่หลากหลายทั้งอาหารไทยและอาหารพื้นเมืองของลาดัก โรงแรมพาร์ทเนอร์ของเราส่วนใหญ่มีเชฟผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย เพื่อให้คุณได้ลิ้มรสเมนูโปรดแม้จะอยู่ท่ามกลางเทือกเขาหิมาลัย พร้อมกันนี้ เรายังอยากให้คุณได้ลองลิ้มรสอาหารท้องถิ่นของลาดัก เช่น โมโม่, ทูคปา, สกยู และชาชง (Butter Tea) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีในการสัมผัสวัฒนธรรมอย่างแท้จริง ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบรสชาติที่คุ้นเคยหรืออยากลองสิ่งใหม่ เราพร้อมมอบประสบการณ์อาหารที่ยอดเยี่ยมให้คุณตลอดทริป